วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556
ใช้คอนแทคเลนส์อย่างไรให้ปลอดภัย
ใช้คอนแทคเลนส์อย่างไรให้ปลอดภัย
คอนแทคเลนส์เป็นเลนส์ขนาดเล็กที่ถูกผลิตมาเพื่อใช้ในการแก้ไขปัญหาสายตาทดแทนการใช้แว่นตา
มีการนำมาใช้มาหลายสิบปีแล้ว ซึ่งคอนแทคเลนส์สามารถแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้สองชนิด
คือ แบบแข็ง และแบบนิ่ม
โดยที่แบบแข็งนั้นไม่เป็นที่นิยมใช้เนื่องจากมีความระคายเคืองตาในช่วงแรกที่เริ่มใช้ประมาณ
1-2 สัปดาห์
การสั่งใช้ต้องอาศัยความรู้ความชำนาญพอสมควรเพื่อให้ได้เลนส์ที่เหมาะสม ตรงกันข้ามกับแบบนิ่มที่ใส่สบายประทับใจตั้งแต่แรกใช้
ในการสั่งใช้ ไม่จำเป็นต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ จึงทำให้คอนแทคเลนส์แบบนิ่มครองตลาด
นอกจากนั้นแล้วในปัจจุบันได้มีการพัฒนาตัวเลนส์ให้มีสีต่างๆสามารถใส่เพื่อให้เกิดความสวยงาม
เช่น เปลี่ยนสีตาเป็นสีฟ้า สีเขียว สีทอง และล่าสุดทำให้ตาดำดูมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย
จึงส่งผลให้การใช้คอนแทคเลนส์แบบนิ่มเพิ่มมากขึ้นอย่างมากมายแม้ในผู้ที่ไม่มีปัญหาด้านสายตา
แต่เป็นการใช้คอนแทคเลนส์เพื่อความสวยงามเท่านั้น โดยที่ผู้ใช้ (และผู้จำหน่าย)
ไม่ได้รู้ถึงผลเสียตลอดจนอันตรายที่มีโอกาสเกิดขึ้นต่อตาแต่อย่างไรเลย
คอนแทคเลนส์ต่างจากแว่นตาตรงที่วางอยู่บนตาดำ
(กระจกตา) ตลอดเวลาซึ่งสามารถทำให้เกิดปัญหากับกระจกตาได้โดยง่าย
อันตรายที่จักษุแพทย์กลัวมากที่สุดคือการติดเชื้อของกระจกตา เพราะรักษายาก
มีโอกาสลุกลามไปติดเชื้อทั่วลูกตาได้ และถึงแม้จะรักษาหาย
แต่ผู้ป่วยก็อาจจะเสียการมองเห็นไปเนื่องจากเกิดแผลเป็นฝ้าขาวขึ้นทำให้แสงไม่สามารถเข้าไปสู่ลูกตาได้
ผลคือไม่สามารถมองเห็นได้เช่นเดิมอีกต่อไป
การที่จะใช้คอนแทคเลนส์แบบนิ่มได้อย่างปลอดภัยนั้นขึ้นกับอะไรบ้าง
ประการแรก ตัวคอนแทคเลนส์เองต้องมีคุณสมบัติเหมาะสมกับการใช้งาน
ซึ่งแต่ละประเทศตั้งแต่ประเทศผู้ผลิตและประเทศผู้ใช้ย่อมมีกระบวนการในการควบคุมคุณภาพเหล่านี้อยู่
แต่จะเข้มแข็งแค่ไหนก็อาจจะแตกต่างกันไป ในประเทศไทยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
กระทรวงสาธารณสุข
มีหน้าที่ควบคุมคุณภาพของคอนแทคเลนส์โดยกำหนดให้มีการขึ้นทะเบียนคอนแทคเลนส์ที่จะจำหน่าย
ซึ่งการขึ้นทะเบียนนี้แยกขึ้นรายรุ่น ไม่ใช่รายยี่ห้อ เช่น เลนส์ยี่ห้อ ก.
มีเลนส์รุ่น a 4 สี 4
แบบ และเลนส์รุ่น b 1 สี 3 ขนาด
ก็ต้องได้รับการขึ้นทะเบียนทั้งรุ่น a และรุ่น b แยกกัน ไม่ใช่บอกว่าขึ้นทะเบียนยี่ห้อ ก. โดยไม่ระบุรุ่น (เหมารวม) ประการที่สอง การเลือกใช้ให้เหมาะสม (ขนาดสายตา ความโค้ง)
สำหรับคอนแทคเลนส์ชนิดนิ่มนั้นความโค้งไม่ค่อยสำคัญนัก ลักษณะจะคล้ายกับ free
size คือขนาดเดียวใช้ได้กับทุกคน
ดังนั้นเพียงเลือกขนาดสายตาให้ถูกต้องเท่านั้นก็พอ
ซึ่งขนาดสายตานี้อาจจะไม่เท่ากับขนาดแว่น แต่ถ้าขนาดไม่ตรงก็ไม่ส่งผลเสียมากมาย
เพียงแค่มองเห็นไม่ชัดเท่านั้น ประการสุดท้าย
ได้แก่ การใช้และการดูแลรักษาคอนแทคเลนส์ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในทั้ง 3
ประการ
การใช้งาน ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์นอน
เนื่องจากจะทำให้กระจกตาขาดอากาศ เกิดการบวม ง่ายต่อการติดเชื้อ ไม่ควรใช้เกินอายุของเลนส์ที่ระบุโดยผู้ผลิต
คอนแทคเลนส์แบบนิ่มในท้องตลาดปัจจุบันมักจะมีอายุการใช้งานสั้น ตั้งแต่ 1 วัน
รายสัปดาห์ รายเดือน ไม่ค่อยมีรายปีแล้ว
ดังนั้นผู้ใช้ต้องรู้อายุของเลนส์ที่ใช้และใช้เลนส์ข้างนั้นตามไม่เกินอายุที่กำหนด
เนื่องจากคุณสมบัติของเลนส์จะเสียไปถึงแม้จะดูด้วยตาเปล่าว่ายังคงสภาพดีอยู่ก็ตาม การใส่และถอดเลนส์ควรได้รับการสอนอย่างถูกต้อง ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสเลนส์ทุกครั้ง
ไม่ควรไว้เล็บยาว เนื่องจากจะทำให้เกิดบาดแผลที่กระจกตาได้ ไม่ควรใช้คอนแทคเลนส์ร่วมกับผู้อื่น (ผลัดกันใส่)
เนื่องจากทำให้มีการนำความสกปรกและเชื้อโรคข้ามไปมาได้
การดูแลรักษา แบ่งเป็น การทำความสะอาด
และการฆ่าเชื้อโรค ทุกครั้งที่ถอดเลนส์จากตาต้องทำความสะอาด ถูด้วยน้ำยา
แล้วจึงเก็บแช่ค้างคืนในน้ำยาฆ่าเชื้อ
ซึ่งในปัจจุบันมักจะรวมอยู่ในขวดเดียวกันเป็น น้ำยาเอนกประสงค์ (multipurpose
solution) และล้างอีกครั้งก่อนใส่ เปลี่ยนน้ำยาแช่ทุกครั้ง
ร่วมกับการล้างทำความสะอาดตลับแช่เลนส์ทั้งด้านนอกและด้านในด้วยน้ำสะอาดและสบู่
แล้วจึงปล่อยให้แห้ง ไม่ควรแช่เลนส์ทันทีหลังถอด โดยไม่ได้ทำความสะอาดก่อน
เพราะนอกจากเลนส์สกปรกแล้วประสิทธิภาพของการฆ่าเชื้อจะไม่ดีอีกด้วย
ดังนั้นการที่จะใช้เลนส์สัมผัสได้อย่างปลอดภัยได้นั้น
ไม่ได้อยู่ที่ตัวเลนส์ได้มาตรฐานเพียงอย่างเดียว แต่ต้องประกอบกับการใช้คำแนะนำ
ความรู้แก่ผู้ใช้อย่างถูกต้อง แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศไทย
นอกจากที่เลนส์สัมผัสที่เข้ามาจำหน่ายไม่ได้รับการตรวจสอบขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องแล้ว
การจำหน่ายยังไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในโรงพยาบาล คลินิก หรือร้านแว่นเท่านั้น ยังวางจำหน่ายอยู่ทั่วไปตามแผงลอย
เช่นเดียวกับเครื่องสำอางหรือขนมอย่างหนึ่ง
นั่นหมายถึงว่าผู้บริโภคสามารถหยิบซื้อได้อย่างง่ายดาย
โดยไม่ได้รับการคัดกรองหรืออย่างน้อยที่สุดคือ
คำแนะนำที่ถูกต้องเรื่องการใช้งานและการดูแลรักษาเลนส์จากผู้ขาย
ทั้งนี้จึงทำให้เกิดผลเสียตามมาอย่างมากมาย
ซึ่งปัจจุบันจักษุแพทย์จะพบว่าการติดเชื้อที่กระจกตาที่เกิดจากคอนแทคเลนส์มีจำนวนมากขึ้น
และพบในผู้ป่วยที่อายุน้อยลง เช่น เด็กมัธยมต้น
ซึ่งปัญหานี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกๆฝ่าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ปกครองในการติดตามดูแลความปลอดภัยของลูกหลานที่รักของท่าน
ที่มา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงภัทนี สามเสน
ภาควิชาจักษุวิทยา
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ภาควิชาจักษุวิทยา
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ป้ายกำกับ:
คลินิกหมอพรประสิทธิ,
สุขภาพ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ค้นหาใน Web นี้
บทความที่ได้รับความนิยม
-
Tennis Elbow คือกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นทางด้านนอกข้อศอก ซึ่งเกิดจากการอักเสบตรงบริเวณที่ยึดเกาะของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการกระดกข้อมือ...
-
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส วาริเซลลา มีลักษณะอาการเป็นผื่นแดงราบ ตุ่มใส ตุ่มหนอง กระจายตามหน้า ลำตัว และแผ่นหลัง และมีไข้ เกิดจากเชื้อไว...
-
การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย จำเป็นหรือไม่ ? บทนำ การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย เป็นการผ่าตัดเล็กที่ทำกันบ่อยมาก จนเกือ...
-
ต่อมทอนซิล คือต่อมน้ำเหลืองที่อยู่บริเวณด้านข้างลำคอตรงโคนลิ้น เป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ภายในต่อมมีเม็ดเลือดขาวหลายชนิดทำ...
-
การล้างจมูกคืออะไร การล้างจมูก คือ การทำความสะอาดโพรงจมูก โดยการใส่ หรือหยอดน้ำเข้าไปในจมูกการล้างจมูก จะช่วยชะล้างมูก ครา...
-
ปุ่มกระดูกในช่องปาก ปุ่มกระดูกในช่องปากมีชื่อเรียกต่างกันไปตามตำแหน่งที่พบ เช่น พบในบริเวณกึ่งกลางเพดานของขากรรไกรบน จะเร...
-
อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์ กรดยูริคที่เป็นตัวการทำให้ข้ออักเสบในผู้ป่วยโรคเก๊าท์ เกิดมาจาก “ สารพิวรีน ” ทั้งที่มีอยู่ในร่าง...
-
โรค Carpal Tunnel Syndrome หรือชื่อย่อคือ CTS เป็นโรคที่พบได้บ่อย เกิดจากเส้นประสาทมีเดียน (Median Nerve) ซึ่งเป็นเส้นประสาทที่เลี้ยงกล้า...
-
ผ่าตัดริดสีดวงทวาร อย่างไรไม่ให้เจ็บ (หรือเจ็บน้อย) โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคที่พบบ่อย เกิดจากการโป่งพองของหลอดเลือดขนาดเล็กบริเวณเยื่อบุ...
-
ผ่าตัดริดสีดวงทวาร อย่างไรไม่ให้เจ็บ (หรือเจ็บน้อย) โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคที่พบบ่อย เกิดจากการโป่งพองของหลอดเลือดขนาดเล็กบริเวณเยื่อบ...
จำนวนการดูหน้าเว็บรวม
ผู้ติดตาม
ขับเคลื่อนโดย Blogger.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น