วันจันทร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2556
เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ
เอ็นฝ่าเท้าอักเสบ
เคยหรือไม่
เมื่อตื่นนอนในตอนเช้าและก้าวเท้าลงพื้น จะเกิดอาการปวดบริเวณฝ่าเท้าและส้นเท้า
ถ้าเคย นั่นหมายถึง คุณอาจเริ่มเป็นโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบแล้ว...
เอ็นฝ่าเท้าอักเสบหรือที่เรียกกันว่า “รองช้ำ”
ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากมีการบาดเจ็บหรืออักเสบของเอ็นฝ่าเท้าบริเวณที่เกาะกับกระดูกส้นเท้า
เอ็นฝ่าจะยึดจากกระดูกส้นเท้าไปยังนิ้วเท้า
ทำหน้าที่ช่วยรักษารูปทรงของเท้า และยังทำหน้าที่เหมือนสปริง เพื่อช่วยลดแรงกระแทกเมื่อเดินหรือวิ่ง
อาการของโรค
ผู้ที่เป็นโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ
จะมีอาการปวดและกดเจ็บบริเวณส้นเท้า ในระยะแรกอาจเกิดอาการภายหลังการออกกำลังกาย
เดิน หรือยืนนาน ๆ แต่ถ้าอาการมากขึ้น ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดส้นเท้าอยู่ตลอดเวลา ลักษณะเฉพาะของโรคนี้ คือ
เมื่อลุกขึ้นเดิน 2–3 ก้าวแรกหลังจากตื่นนอนในตอนเช้า หรือหลังจากนั่งพักขาเป็นเวลานาน
จะรู้สึกเจ็บบริเวณส้นเท้า
เนื่องจากเกิดการกระชากของเอ็นฝ่าเท้าที่อักเสบอย่างทันทีทันใด แต่เมื่อเดินไประยะหนึ่ง เอ็นฝ่าเท้าจะค่อย ๆ ยืดหยุ่นขึ้น
อาการเจ็บส้นเท้าจึงค่อย ๆ ทุเลาลง
แม้จะเป็น ๆ หาย ๆ แต่ถ้าปล่อยไว้ไม่ดีแน่
เพราะ...
อาการเจ็บปวดส้นเท้าเรื้อรัง จะส่งผลกระทบอย่างมากกับการทำกิจวัตรประจำวัน
และการทำงาน เนื่องจากผู้ป่วยจะเกิดความเครียด วิตกกังวล
และอาจมีหินปูนเกิดขึ้นบริเวณกระดูกส้นเท้าที่เอ็นฝ่าเท้ายึดเกาะอยู่ นอกจากนี้อาจทำให้เกิดอาการปวดข้อเท้า /
ปวดเกร็งและตึงของกล้ามเนื้อน่องและเอ็นร้อยหวาย
เนื่องจากจังหวะการเดินหรือลงน้ำหนักที่ผิดปกติไปจากอาการเจ็บส้นเท้า
ใครบ้างเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้
- ผู้หญิง
เนื่องจากไขมันส้นเท้าจะบางกว่า เอ็นและกล้ามเนื้อของน่องและฝ่าเท้าไม่แข็งแรงเท่าผู้ชาย
- ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน
-
อายุมากขึ้น เนื่องจากไขมันบริเวณส้นเท้าจะบางลง
ทำให้จุดเกาะของเอ็นฝ่าเท้าบริเวณกระดูก ส้นเท้าได้รับแรงกระแทกมากขึ้น
- ผู้ที่ทำงานที่ต้องยืนหรือเดินนาน ๆ บนพื้นแข็ง
หรือขรุขระ
-
ผู้ที่ออกกำลังกายที่หนักเกินไปหรือไม่ได้ยืดกล้ามเนื้อน่องหรือเอ็นร้อยหวาย
-
มีภาวะฝ่าเท้าแบนหรือโก่งโค้งจนเกินไป
- มีความผิดปกติของข้อเท้า ข้อเข่าหรือข้อสะโพก
ทำให้การเดินและการลงน้ำหนักผิดไปจากปกติ
-
มีการใช้รองเท้าที่ไม่ถูกลักษณะ เช่น พื้นรองเท้าบางและแข็งเกินไป
รักษาอย่างไร...
โรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ
รักษาโดยวิธีไม่ผ่าตัดเป็นหลัก
ประมาณร้อยละ 80 – 90 ของผู้ป่วย อาการจะดีขึ้น แต่ต้องใช้ความอดทนในการดูแลรักษาตัวเอง
(อาจใช้เวลานานถึง 2 – 6 เดือน) และต้องอาศัยหลาย ๆ
วิธีประกอบกัน คือ
1. การใช้ยา อาจเป็นยากินเพื่อลดอาการปวดและอักเสบ
ถ้าอาการไม่ดีขึ้นอาจใช้ยาฉีดสเตียรอยด์ ฉีดเฉพาะที่เพื่อลดอาการอักเสบ แต่จะจำกัดการใช้เพียง 2 - 3 ครั้ง
2. การลดหรือแก้ปัจจัยเสี่ยงต่าง
ๆ
เช่น ลดน้ำหนัก ลดการออกกำลังกายที่หนักเกินไป
3. การเปลี่ยนหรือแก้ไขรองเท้าให้ถูกลักษณะขึ้น
โดยเลือกรองเท้าที่มีส้นนุ่ม ๆ หรือใช้แผ่นรองส้นเท้าที่นุ่ม ๆ
มาติดเสริมในรองเท้า ผู้ที่มีฝ่าเท้าแบน
อาจเลือกใช้แผ่นรองที่บริเวณอุ้งเท้าเพื่อไม่ให้เท้าล้มเวลาเดินลงน้ำหนัก และควรใส่รองเท้าส้นนุ่ม ๆ เดินในบ้านด้วย
4. การทำกายภาพบำบัดด้วยตนเอง ประกอบด้วย
- การประคบร้อนหรือเย็น
- การยืดกล้ามเนื้อน่อง และเอ็นฝ่าเท้า
โดยในการยืดจะต้องทำค้างไว้ 10
วินาที ทำครั้งละประมาณ 10
ครั้ง ควรทำก่อนลุกขึ้นเดินหลังตื่นนอนและหลายๆ
ครั้งต่อวัน
ในกรณีที่ผู้ป่วยดูแลตนเองอย่างเต็มที่โดยวิธีไม่ผ่าตัดแล้วยังมีอาการของเอ็นฝ่าเท้าอักเสบอยู่ อาจจะต้องผ่าตัด
เพื่อเลาะเนื้อเยื่ออักเสบและยืดเอ็นฝ่าเท้า
หรือเอาหินปูนที่เกาะบริเวณกระดูกส้นเท้าออก ป้องกันได้โดยเลือกใช้รองเท้าที่ถูกลักษณะ
มีตัวรองส้นที่นุ่ม
พื้นไม่บางหรือแข็งเกินไป พร้อมแก้ไขหรือลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ข้างต้น
หากปล่อยทิ้งไว้ ไม่ได้รับการรักษา จนลุกลาม
อาจส่งผลร้าย คือ
เกิดการอักเสบของข้อต่อและกล้ามเนื้ออื่นๆในขาเดียวกัน
และอาจส่งผลไปถึงกล้ามเนื้อและข้อต่อของสะโพกและบั้นเอวด้วยจากลักษณะการเดินที่ผิดไปจากอาการเจ็บส้นเท้า
การรักษาโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ จะต้องอาศัยความร่วมมือของผู้ป่วยเป็นหลัก เพราะการใช้ยาเพียงอย่างเดียวไม่ทำให้หายได้
โดยผู้ป่วยต้องลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
แก้ไขรองเท้า
และทำกายภาพบำบัดยืดเอ็นฝ่าเท้าและกล้ามเนื้อน่องเป็นประจำ จึงจะทำให้อาการทุเลาได้ ถ้าอาการไม่ดีขึ้น
ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมว่ามีปัญหาอื่นร่วมด้วยหรือไม่
เนื่องจากโรคเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ ถึงแม้จะรักษาจนหายดีแล้ว
ก็อาจกลับมาเป็นใหม่ได้อีก ถ้าไม่แก้ไขหรือลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ค่ะ
ที่มา
ผศ.พญ.สายชล
ว่องตระกูล
ภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์และกายภาพบำบัด
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ป้ายกำกับ:
คลินิกหมอพรประสิทธิ,
orthopedic
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ค้นหาใน Web นี้
บทความที่ได้รับความนิยม
-
Tennis Elbow คือกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นทางด้านนอกข้อศอก ซึ่งเกิดจากการอักเสบตรงบริเวณที่ยึดเกาะของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการกระดกข้อมือ...
-
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส วาริเซลลา มีลักษณะอาการเป็นผื่นแดงราบ ตุ่มใส ตุ่มหนอง กระจายตามหน้า ลำตัว และแผ่นหลัง และมีไข้ เกิดจากเชื้อไว...
-
การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย จำเป็นหรือไม่ ? บทนำ การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย เป็นการผ่าตัดเล็กที่ทำกันบ่อยมาก จนเกือ...
-
ต่อมทอนซิล คือต่อมน้ำเหลืองที่อยู่บริเวณด้านข้างลำคอตรงโคนลิ้น เป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ภายในต่อมมีเม็ดเลือดขาวหลายชนิดทำ...
-
การล้างจมูกคืออะไร การล้างจมูก คือ การทำความสะอาดโพรงจมูก โดยการใส่ หรือหยอดน้ำเข้าไปในจมูกการล้างจมูก จะช่วยชะล้างมูก ครา...
-
ปุ่มกระดูกในช่องปาก ปุ่มกระดูกในช่องปากมีชื่อเรียกต่างกันไปตามตำแหน่งที่พบ เช่น พบในบริเวณกึ่งกลางเพดานของขากรรไกรบน จะเร...
-
อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์ กรดยูริคที่เป็นตัวการทำให้ข้ออักเสบในผู้ป่วยโรคเก๊าท์ เกิดมาจาก “ สารพิวรีน ” ทั้งที่มีอยู่ในร่าง...
-
โรค Carpal Tunnel Syndrome หรือชื่อย่อคือ CTS เป็นโรคที่พบได้บ่อย เกิดจากเส้นประสาทมีเดียน (Median Nerve) ซึ่งเป็นเส้นประสาทที่เลี้ยงกล้า...
-
ผ่าตัดริดสีดวงทวาร อย่างไรไม่ให้เจ็บ (หรือเจ็บน้อย) โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคที่พบบ่อย เกิดจากการโป่งพองของหลอดเลือดขนาดเล็กบริเวณเยื่อบุ...
-
ผ่าตัดริดสีดวงทวาร อย่างไรไม่ให้เจ็บ (หรือเจ็บน้อย) โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคที่พบบ่อย เกิดจากการโป่งพองของหลอดเลือดขนาดเล็กบริเวณเยื่อบ...
จำนวนการดูหน้าเว็บรวม
ผู้ติดตาม
ขับเคลื่อนโดย Blogger.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น