วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556
วัยรุ่นกับยาเสพติด
วัยรุ่นกับยาเสพติด
ยาเสพติด
คือสารใดๆ ก็ตามที่ไม่ใช่อาหารซึ่งสามารถมีผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายและจิตใจ
ยาเสพติดแบบที่เรียกว่า ยาเปลี่ยนสภาพจิตใจสามารถเปลี่ยนความคิด ความรู้สึก
และการกระทำของบุคคลได้ ยาที่กระตุ้นร่างกายและการทำงานของสมองให้ทำงานเร็วขึ้น
เรียกว่า ยากระตุ้นประสาท ยาที่ทำให้ร่างกายและการทำงานของสมองช้าลง เรียกว่า
ยากดประสาท ยาที่ทำให้การมองเห็น ความรู้สึก และการได้ยินเปลี่ยนแปลงไป เรียกว่า
ยาหลอนประสาท ยาเปลี่ยนจิตใจที่เยาวชนมักใช้ในทางที่ผิด ได้แก่
๑.
นิโคติน เป็นสารเสพติดอย่างแรง (สร้างนิสัย) ที่พบในบุหรี่
นิโคตินเป็นยากระตุ้นประสาท ซึ่งเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ
เป็นสาเหตุของหลอดเลือดอุดตัน และทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น
การสูบบุหรี่ทำให้ลมหายใจมีกลิ่นไม่สะอาด
ฟันมีคราบ มือมีกลิ่นเหม็น และก่อให้เกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และเสียชีวิตได้
โดยข้อเท็จจริงแล้ว การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุของการตายที่เราสามารถยับยั้งป้องกันได้มากที่สุด
แม้แต่การสูดดมควันบุหรี่ผู้อื่นก็เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้
เรียกว่าเป็นการสูบบุหรี่ทางอ้อม
๒.
สุรา เป็นยากดประสาท เมื่อนักเรียนดื่มสุรา
สุราจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง ผ่านกระเพาะและลำไส้
การดื่มสุราสามารถก่อให้เกิดความมึนเมา, สูญเสียการประสานงานของระบบต่าง
ๆ ในร่างกาย (ความสมดุล) ,เพิ่มความรุนแรง
(พฤติกรรมที่เป็นอันตราย) ,ไม่สามารถเรียนรู้และจดจำได้ ,บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง , เพิ่มอุบัติเหตุ , มีปัญหากับผู้อื่น การดื่มสุราสามารถนำไปสู่การเสพติด (สร้างนิสัย)
เป็นโรคร้ายและเสียชีวิตได้
๓.
กัญชา เป็นยาเปลี่ยนสภาพจิตใจ คนที่สูบกัญชา มีลักษณะดังนี้ มีปฏิกิริยาตอบโต้ช้า , มีความจำไม่ดี, มีความสนใจเฉพาะในช่วงสั้น ๆ ,
คิดอะไรไม่ค่อยออก , มีความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไปทั้งในเรื่องเวลาและพื้นที่
นักเรียนที่เสพกัญชาอาจจะจำสิ่งที่เรียนไม่ค่อยได้ เชื่องช้า สมองทึบ
ไม่มีความทะเยอทะยาน และอาจเสพติด ปัญหายาเสพติด
นับเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทยมาโดยตลอด การใช้สารเสพติด พบมากในช่วงวัยรุ่น
หากเราจะหาวิธีป้องกันแก้ไข้ปัญหายาเสพติดทำได้โดยสร้างทักษะชีวิต
ซึ่งจะมีส่วนสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กวัยรุ่นมีความเข้มแข็งห่างไกลจากยาเสพติด
โดยทักษะชีวิตเพื่อป้องกันสารเสพติด ประกอบด้วย ความรู้ เจตคติ และทักษะ ดังนี้
• ความตระหนักรู้ในตน
ตระหนักว่า ตนเองมีข้อดีในการป้องกันการถูกชักจูงให้ไปใช้สารเสพติด
และข้อด้อยที่เสี่ยงต่อการชักจูงให้ไปใช้สารเสพติด อีกทั้งตระหนักในปัญหาที่เกิดจากการใช้สารเสพติด
• ความเห็นใจผู้อื่น
เห็นและเข้าใจ ผู้ใช้สารเสพติด ผู้เลิกใช้สารเสพติดผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหา
สารเสพติด
• ความภาคภูมิใจในตนเอง
ภูมิใจในตนเองที่ไม่ใช้สารเสพติด เช่น สามารถช่วยเหลือพ่อแม่เท่าที่ทำ ได้
ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนเชื่อฟังพ่อแม่ ไม่สร้างปัญหาให้กบครอบครัว เป็นต้น
• ความรับผิดชอบต่อสังคม
สามารถแสดงความคิดเห็นต่อบทบาทความรับผิดชอบของตนเองใน การป้องกัน ตนเอง ครอบครัว
และชุมชนจากสารเสพติด และกรแพร่ระบาดของสารเสพติด
• การสร้างสัมพันธภาพและการสื่อสาร
สามารถปฏิเสธเพื่อนในสถานการณ์ที่อาจถูกชวนไปใช้สาร เสพติดได้อย่างเหมาะสม
และมีวิธีการหลีกเลี่ยง เช่น ไม่ลองทำตามคำชวนของเพื่อน เดินหนีออกจากกลุ่ม บอกครู
เป็นต้น
• การจัดการกับอารมณ์และความเครียด
สามารถเลือกใช้วิธีจัดการกับอารมณ์และความเครียด
ของตนเองได้เมื่อในสถานการณ์ความเสี่ยง ปฏิเสธอย่างไร...จะได้ไม่ติดยา
วิธีการปฏิเสธเป็นทักษะที่จำเป็นและควรทำให้ได้
คนที่มีความคิดและมั่นใจในตนเองจะไม่คล้อยตามหรือยอมตามคนอื่น ถ้าคุณเห็นว่าเพื่อน
(แม้จะเป็นเพื่อนรักก็ตาม) หรือคนอื่นๆ ชักชวนให้ทำในสิ่งที่จะเกิดผลเสียตามมา
เราย่อมมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ
ส่วนเคล็ดลับในการปฏิเสธให้ได้ผลว่าวัยรุ่นควรปฏิบัติอย่างไร
ในการเอาตัวรอดจากปัญหายาเสพติด ได้แก่
• แสดงออกอย่างจริงจังทั้งท่าทาง
คำพูด และน้ำเสียง จะทำให้อีกฝ่ายไม่กล้าเซ้าซี้
• ใช้ความรู้สึกเป็นข้ออ้างประกอบเหตุผล
เพราะใช้เหตุผลอย่างเดียวอาจถูกโต้แย้งได้ แต่ถ้าอ้าง
ความรู้สึกจะทำให้อีกฝ่ายโต้แย้งได้ยากขึ้น เช่น เราไม่ชอบ เรากลัวพ่อแม่เสียใจ
เรารู้สึกไม่ค่อยสบาย อยากพักผ่อน
• สูดลมหายใจลึกๆ
รวบรวมความกล้า กล่าวปฏิเสธออกไป เราไม่ไปดีกว่า เราไปไม่ได้จริงๆ
อาจตอบท้ายด้วยคำพูดขอบคุณเพื่อเป็นการรักษาน้ำใจ
• ถ้าถูกเซ้าซี้หรือสบประมาททำนองไม่แน่จริงนี่หว่า
นายมันลูกแหง่ติดแม่ ยังเป็นเพื่อนหรือ เปล่า ก็อย่าหวั่นไหวกับคำพูด
• แสดงจุดยืนอย่างหนักแน่น
คือ ปฏิเสธซ้ำโดยไม่ต้องใช้ข้ออ้าง พร้อมทั้งบอกลาหาทางเลี่ยง
ออกไปหรือใช้วิธียิ้มสู้ บอกด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ แต่หนักแน่นว่า ไม่ล่ะ ขอบใจ
แต่ถ้าคุณอยากใช้วิธีนุ่มนวลกว่า ก็อาจต่อรองโดยชวนไปทำกิจกรรมอื่นที่ดีกว่าแทน
หรือขอผัดผ่อนเลื่อนเวลาไปก่อน เช่น เอาไว้โอกาสหน้าก็แล้วกัน รอให้สอบเสร็จก่อน
วันนี้ไม่ได้จริง วันหลังแล้วกัน แต่ถ้าเพื่อนไม่ยอมก็ต้องใช้วิธีเดินหนีแล้วบอกลา
วิธีการปฏิเสธไม่ใช่เรื่องยาก
เริ่มได้ที่ตัวเราเอง
หากคุณมีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงที่จะห่างไกลจากภัยยาเสพติด
ที่มา
ฝ่ายสุขศึกษาและประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลสวนปรุง
ป้ายกำกับ:
คลินิกหมอพรประสิทธิ,
ยาเสพติด
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ค้นหาใน Web นี้
บทความที่ได้รับความนิยม
-
Tennis Elbow คือกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นทางด้านนอกข้อศอก ซึ่งเกิดจากการอักเสบตรงบริเวณที่ยึดเกาะของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการกระดกข้อมือ...
-
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส วาริเซลลา มีลักษณะอาการเป็นผื่นแดงราบ ตุ่มใส ตุ่มหนอง กระจายตามหน้า ลำตัว และแผ่นหลัง และมีไข้ เกิดจากเชื้อไว...
-
การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย จำเป็นหรือไม่ ? บทนำ การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย เป็นการผ่าตัดเล็กที่ทำกันบ่อยมาก จนเกือ...
-
ต่อมทอนซิล คือต่อมน้ำเหลืองที่อยู่บริเวณด้านข้างลำคอตรงโคนลิ้น เป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ภายในต่อมมีเม็ดเลือดขาวหลายชนิดทำ...
-
การล้างจมูกคืออะไร การล้างจมูก คือ การทำความสะอาดโพรงจมูก โดยการใส่ หรือหยอดน้ำเข้าไปในจมูกการล้างจมูก จะช่วยชะล้างมูก ครา...
-
ปุ่มกระดูกในช่องปาก ปุ่มกระดูกในช่องปากมีชื่อเรียกต่างกันไปตามตำแหน่งที่พบ เช่น พบในบริเวณกึ่งกลางเพดานของขากรรไกรบน จะเร...
-
อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์ กรดยูริคที่เป็นตัวการทำให้ข้ออักเสบในผู้ป่วยโรคเก๊าท์ เกิดมาจาก “ สารพิวรีน ” ทั้งที่มีอยู่ในร่าง...
-
โรค Carpal Tunnel Syndrome หรือชื่อย่อคือ CTS เป็นโรคที่พบได้บ่อย เกิดจากเส้นประสาทมีเดียน (Median Nerve) ซึ่งเป็นเส้นประสาทที่เลี้ยงกล้า...
-
ผ่าตัดริดสีดวงทวาร อย่างไรไม่ให้เจ็บ (หรือเจ็บน้อย) โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคที่พบบ่อย เกิดจากการโป่งพองของหลอดเลือดขนาดเล็กบริเวณเยื่อบุ...
-
ผ่าตัดริดสีดวงทวาร อย่างไรไม่ให้เจ็บ (หรือเจ็บน้อย) โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคที่พบบ่อย เกิดจากการโป่งพองของหลอดเลือดขนาดเล็กบริเวณเยื่อบ...
จำนวนการดูหน้าเว็บรวม
ผู้ติดตาม
ขับเคลื่อนโดย Blogger.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น