วันอังคารที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2556
ต้อหิน จากการหยอดตา
ต้อหิน
จากการหยอดตา
ต้อหิน
เป็นโรคที่ทำให้เกิดภาวะตาบอดชนิดถาวรที่พบได้บ่อยที่สุดในประเทศไทยรวมทั้งทั่วโลก
โดยจะพบมากขึ้นตามอายุ ในคนไทยพบต้อหินได้ร้อยละ 3 ในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี และพบมากขึ้นเป็นร้อยละ 6 ในคนที่มีอายุมากกว่า 60 ปี
ต้อหินเป็นโรคที่ขั้วประสาทตาถูกทำลายทีละน้อย
ๆ ทำให้มีการสูญเสียลานสายตาสาเหตุสำคัญคือความดันตาที่สูงขึ้น
หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆที่ทำให้เส้นประสาทตาเสียไป ผู้ป่วยต้อหินจะมีการสูญเสียลานสายตารอบนอกก่อน
เมื่อโรคดำเนินไปมากขึ้นจึงจะเสียลานสายตาในส่วนตรงกลางทำให้เกิดอาการตาบอดได้
สาเหตุการเกิดต้อหิน
1. ต้อหินโดยทั่วไปไม่ทราบสาเหตุ เรียกว่า ต้อหินชนิดปฐมภูมิ
ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับกรรมพันธุ์ โดยอาจมีประวัติมีญาติเป็นต้อหิน
นอกจากนี้ยังพบในคนสายตาสั้นหรือยาวมากๆ คนที่เป็นเบาหวาน ตลอดจนผู้สูงอายุ
2. ต้อหินที่มีสาเหตุเกี่ยวเนื่องจากสาเหตุอื่น เรียกว่า
ต้อหินชนิดทุติยภูมิ ได้แก่ ภาวะเบาหวานขึ้นจอตา อุบัติเหตุทางตา
การติดเชื้อหรือการอักเสบในตา การใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์
ตลอดจนโรคต้อกระจกที่ปล่อยทิ้งไว้จนสุก
หลาย ๆ
ท่านอาจยังไม่ทราบว่าโรคต้อหิน มีสาเหตุสำคัญอีกอย่างคือ
เกิดจากการใช้ยาหยอดตาประเภทสเตียรอยด์
ซึ่งปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคต้อหินจากสาเหตุดังกล่าวมากขึ้น ๆ
เพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เนื่องจากยาหยอดตาประเภทสเตียรอยด์
นอกจากจะแก้คันและเคืองตาแล้ว ยังช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ได้ผลดีมาก
ทำให้คนทั่วไปมักจะไปซื้อมาใช้เอง ในบางกรณีที่ผู้ป่วยเคยได้รับจากจักษุแพทย์
เมื่อยาหมดก็ชอบที่จะไปซื้อมาใช้เอง ทำให้ดวงตาได้รับปริมาณยามากเกินไป
จนส่งผลร้ายเพราะอาจทำให้เป็นต้อหิน และยิ่งถ้าหากใช้ไปเรื่อย ๆ ตาก็จะมัวลง ๆ
จนตาบอดสนิทในที่สุด
ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ยาหยอดตาที่มีขายอยู่ตามร้านขายยา
หรือซุปเปอร์มาเก็ต หากเป็นยาที่ไม่อันตราย เช่น น้ำตาเทียม ยาล้างตา
ก็สามารถซื้อได้เอง แต่ยาทีมีฤทธิ์ในการรักษาโรคต่างๆ
เช่น ยาปฏิชีวนะ ยารักษาโรคต้อต่างๆ ยาแก้แพ้สเตียรอยด์
ควรปรึกษาจักษุแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพราะการซื้อยามาใช้เองอาจรักษาได้ไม่ตรงโรคและทำให้เกิดภาวะ
แทรกซ้อนจากการใช้ยาได้ เช่น
- การติดเชื้อกำเริบมากขึ้น
- ตาบอดจากต้อหิน
- การแพ้ยา เป็นต้น
กลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเป็นโรคต้อหินจากการใช้ยา
-
ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือการอักเสบเรื้อรังที่ตา ที่มีความจำเป็นต้องรักษาด้วยการหยอดยาลดการอักเสบสเตียรอยด์
- ผู้ที่มีโรคทางกายที่จำเป็นต้องใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ เป็นเวลานาน เช่น โรคภูมิแพ้ต่าง ๆ
ผู้ป่วยโรคไต ผู้ป่วยเปลี่ยนอวัยวะ โรคข้อรูมาตอยด์ หรือ
ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันทำงานมากกว่าปกติซึ่งต้องได้รับยากดภูมิ ทั้งการรับประทาน การฉีด การพ่นจมูก รวมทั้งยาป้ายที่ผิวหนังบริเวณต่าง ๆ
โดยเฉพาะใบหน้าหรือรอบดวงตา
โดยทั่วไปยากลุ่มสเตียรอยด์
จะใช้สำหรับรักษาโรคภูมิแพ้ หรือแก้คันระคายเคืองต่างๆ
การได้รับยาเพื่อรักษาอาการเหล่านี้จึงต้องสงสัยว่าอาจจะมีส่วนผสมของสเตียรอยด์
ดังนั้นควรถามจักษุแพทย์หรือเภสัชกรผู้จ่ายยาให้แน่ใจว่าสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย
ที่สำคัญ การใช้ยาทุกชนิดควรอ่านเอกสารกำกับยาเพื่อศึกษาข้อบ่งใช้
และผลข้างเคียง ยาที่ขึ้นต้นหรือลงท้ายด้วยคำว่า เด็กซ์ (Dex) มักมีส่วนผสมของสเตียรอยด์
เด็ก ๆ มีโอกาสเป็นโรคต้อหินหรือไม่ และจากสาเหตุใด
และรักษาได้หรือไม่ อย่างไร
สำหรับเด็กก็สามารถเป็นต้อหินได้เช่นกัน แต่พบได้ไม่บ่อยนัก
อาจเป็นต้อหินตั้งแต่แรกเกิดที่ไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด หรือเกิดจากภาวะทางตาอื่นๆ
รวมทั้งการใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ ที่มักใช้ในการรักษาโรคภูมิแพ้ หรือหอบหืด
การรักษาต้อหินในเด็กก็เหมือนกับในผู้ใหญ่
ต่างกันที่ต้อหินในเด็กมักไม่ตอบสนองต่อการใช้ยา อาจจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด
โรคต้อหิน ป้องกันและรักษาได้หรือไม่
ต้อหินชนิดปฐมภูมิไม่สามารถป้องกันได้ แต่สามารถตรวจรักษาได้ตั้งแต่ระยะแรก
ก็จะป้องกันตาบอดได้ ส่วนต้อหินชนิดทุติยภูมิสามารถป้องกันได้ โดยหลีกเลี่ยงสาเหตุ
เช่น ระวังการใช้ยาสเตียรอยด์ การคุมเบาหวานไม่ให้ขึ้นตา เป็นต้น
หลักการรักษาโรคต้อหินโดยการลดความดันตาเป็นวิธีรักษาที่ผลดีที่สุดในปัจจุบัน
ประกอบด้วย
- การใช้ยา
ซึ่งมีทั้งยาหยอด ยารับประทาน และยาฉีด
- การใช้แสงเลเซอร์
- การผ่าตัด
การใช้ยาหยอดตารักษาต้อหินเป็นการรักษาเบื้องต้นที่ดีที่สุด
เพราะสะดวก ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ แต่ผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้ยาหยอดตาทุกวัน
ไปตลอดชีวิต ปัจจุบันมียาหยอดตารักษาโรคต้อหินหลายชนิดโดยผู้ป่วยอาจเริ่มใช้ยาเพียงชนิดเดียวก่อน
หากยังไม่สามารถควบคุมโรคไว้ได้ ก็อาจใช้ยาหยอดตาหลายชนิดร่วมกัน
(แต่ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยและสั่งยาจากจักษุแพทย์เท่านั้น)
ในกรณีที่จำเป็นต้องใช้แสงเลเซอร์
จักษุแพทย์จะพิจารณาเป็นรายๆ และเมื่อการรักษาด้วยยาหรือเลเซอร์ไม่ได้ผลจึงจะพิจารณาทำผ่าตัด
อย่างไรก็ตาม
การรักษาโรคต้อหินไม่ได้ทำให้การมองเห็นที่เสียไปกลับคืนมาได้
แต่สามารถป้องกันไม่ให้ตาบอดได้
ดังนั้นผู้ที่เป็นต้อหินสมควรได้รับการรักษาโดยเร็วจะดีที่สุด
ต้อหินเป็นโรคที่ทำให้ตาบอดถาวรได้
แต่การรักษาจะสามารถป้องกันไม่ให้ตาบอดได้
ซึ่งต้องได้รับความร่วมมืออย่างดีระหว่างผู้ป่วย และแพทย์ผู้รักษา
เป็นที่น่าวิตกว่า ผู้ป่วยเกือบทั้งหมด
มักจะตรวจพบโรคต้อหินโดยบังเอิญจากการตรวจดวงตาทั่วไป
เพราะไม่มีอาการแสดงถึงความผิดปกติใด ๆ ดังนั้นจึงควรมารับการตรวจคัดกรองความเสี่ยงอย่างน้อยปีละ
1 ครั้ง โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
และยิ่งถ้าในครอบครัวมีผู้เป็นโรคต้อหิน
ก็จะมีความเสี่ยงมากขึ้นที่คุณอาจเป็นโรคนี้ดังนั้นหากมีปัญหาทางตาควรรีบไปพบจักษุแพทย์
ไม่ควรซื้อยามารักษาเอง เพราะอาจมีอาการตาบอดจากต้อหินที่เกิดจากการใช้ยาหยอดตาที่มีส่วนผสมสเตียรอยด์ได้
ที่สำคัญอย่าลืมดูแลสุขภาพดวงตา ถนอมสายตาโดยการพักสายตา
และสวมแว่นกันแดดเป็นประจำเมื่อออกแดดครับ
ดวงตา
เป็นอวัยวะที่บอบบาง เราควรถนอมรักษาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้ยาใด ๆ กับดวงตา ไม่ควรอย่างเด็ดขาดที่จะตกลงใจซื้อมาใช้เอง
เพราะอันตรายที่จะตามมาอาจทำให้คุณต้องสูญเสียการมองเห็นไปตลอดกาลครับ
ที่มา รศ.นพ.นริศ กิจณรงค์
ภาควิชาจักษุวิทยา
Faculty ofMedicine Siriraj Hospital
ภาควิชาจักษุวิทยา
Faculty of
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ค้นหาใน Web นี้
บทความที่ได้รับความนิยม
-
Tennis Elbow คือกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นทางด้านนอกข้อศอก ซึ่งเกิดจากการอักเสบตรงบริเวณที่ยึดเกาะของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการกระดกข้อมือ...
-
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส วาริเซลลา มีลักษณะอาการเป็นผื่นแดงราบ ตุ่มใส ตุ่มหนอง กระจายตามหน้า ลำตัว และแผ่นหลัง และมีไข้ เกิดจากเชื้อไว...
-
การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย จำเป็นหรือไม่ ? บทนำ การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย เป็นการผ่าตัดเล็กที่ทำกันบ่อยมาก จนเกือ...
-
ต่อมทอนซิล คือต่อมน้ำเหลืองที่อยู่บริเวณด้านข้างลำคอตรงโคนลิ้น เป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ภายในต่อมมีเม็ดเลือดขาวหลายชนิดทำ...
-
การล้างจมูกคืออะไร การล้างจมูก คือ การทำความสะอาดโพรงจมูก โดยการใส่ หรือหยอดน้ำเข้าไปในจมูกการล้างจมูก จะช่วยชะล้างมูก ครา...
-
ปุ่มกระดูกในช่องปาก ปุ่มกระดูกในช่องปากมีชื่อเรียกต่างกันไปตามตำแหน่งที่พบ เช่น พบในบริเวณกึ่งกลางเพดานของขากรรไกรบน จะเร...
-
อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์ กรดยูริคที่เป็นตัวการทำให้ข้ออักเสบในผู้ป่วยโรคเก๊าท์ เกิดมาจาก “ สารพิวรีน ” ทั้งที่มีอยู่ในร่าง...
-
โรค Carpal Tunnel Syndrome หรือชื่อย่อคือ CTS เป็นโรคที่พบได้บ่อย เกิดจากเส้นประสาทมีเดียน (Median Nerve) ซึ่งเป็นเส้นประสาทที่เลี้ยงกล้า...
-
ผ่าตัดริดสีดวงทวาร อย่างไรไม่ให้เจ็บ (หรือเจ็บน้อย) โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคที่พบบ่อย เกิดจากการโป่งพองของหลอดเลือดขนาดเล็กบริเวณเยื่อบุ...
-
ผ่าตัดริดสีดวงทวาร อย่างไรไม่ให้เจ็บ (หรือเจ็บน้อย) โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคที่พบบ่อย เกิดจากการโป่งพองของหลอดเลือดขนาดเล็กบริเวณเยื่อบ...
จำนวนการดูหน้าเว็บรวม
ผู้ติดตาม
ขับเคลื่อนโดย Blogger.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น