วันศุกร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
ทำอย่างไรดี... เมื่อตั้งท้องแล้วตกขาว
ทำอย่างไรดี... เมื่อตั้งท้องแล้วตกขาว
หญิงตั้งท้องหลายคนอาจกังวลเมื่อเกิดอาการตกขาวขึ้น
และจะมีผลต่อเนื่องไปถึงลูกในท้องหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของการอักเสบติดเชื้อ เรามาดูกันแบบนี้ตกขาวปกติ
จริง ๆ แล้ว การมีตกขาวนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมชาติของผู้หญิงทุกคน เนื่องจากในบริเวณช่องคลอดและปากมดลูกนั้น จะมีการสร้างสารคัดหลั่งเพื่อหล่อเลี้ยงและหล่อลื่นช่องคลอดอยู่ตลอดเวลา สารคัดหลั่งเหล่านี้แหละที่คุณผู้หญิงทุกคนมีและถือว่าเป็นตกขาวที่ปกติ ลักษณะของตกขาวปกติ จะเป็นมูกใสหรือขาวขุ่นคล้ายแป้งเปียก ปริมาณไม่มากนัก อาจมีทุกวัน วันละเล็กน้อย เรื่องของลักษณะและปริมาณของตกขาวนั้นขึ้นกับอิทธิพลของฮอร์โมนในร่างกายด้วย
ในช่วงที่ยังไม่ตั้งท้อง คุณแม่อาจเคยสังเกตว่าลักษณะและปริมาณของตกขาวนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามรอบประจำเดือน โดยเฉพาะในช่วงกลางรอบประจำเดือน หรือช่วงไข่ตกนั้น ตกขาวจะเป็นมูกใส เหนียว ยืดได้ดี และมีปริมาณมากขึ้นกว่าในช่วงอื่น ๆ ซึ่งเป็นผลจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปนั่นเอง ช่วงที่ตั้งท้องก็เช่นเดียวกันครับ ฮอร์โมนจะเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะฮอร์โมนเพศหญิงจะสูงขึ้นกว่าปกติ ซึ่งแน่นอนว่ามีผลต่อลักษณะและปริมาณของตกขาวปกติด้วย คงจะพอเดาได้นะครับว่าช่วงที่ตั้งท้องนั้นจะมีตกขาวออกมาปริมาณมากกว่าปกติ แต่ก็ถือว่าเป็นปกติครับ ฟังดูแล้วอาจสับสนบ้างเล็กน้อยนะครับ "มากกว่าปกติ" แต่ "ปกติ" แต่ก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ คือจะมีตกขาวที่เป็นปกติออกมามากกว่าเดิมครับ
การเปลี่ยนแปลงของร่างกายในช่วงตั้งท้องนี่แหละครับที่ทำให้คุณแม่หลายคนเกิดความกังวลใจ คิดว่าเกิดความผิดปกติขึ้นกับตัวเอง และบางรายอาจกังวลไปถึงว่าจะมีผลต่อลูกในท้องอีกด้วย คุณแม่บางคนจะบ่นให้คุณหมอฟังเกือบทุกครั้งที่มาฝากท้อง แต่พอตรวจแล้วก็ปกติทุกที แต่ก็ยังอดกังวลไม่ได้อยู่ดี "ปกติ" ก็คือปกติแหละครับ ไม่มีอะไรผิดปกติทั้งสิ้น ไม่ว่ากับตัวคุณแม่เองหรือลูกในท้อง รู้อย่างนี้แล้วคงจะสบายใจขึ้นมาบ้างนะครับ
แต่ใช่ว่าจะไม่ต้องสนใจตัวเองโดยเฉพาะเรื่องตกขาวระหว่างตั้งท้องเลยนะครับ ที่ควรจะต้องคอยดูแลตนเอง ก็คือ คอยสังเกตว่าตกขาวที่ออกมานั้นมีลักษณะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่ อย่างไร หรือมีอาการผิดปกติอื่นร่วมด้วยหรือไม่ เช่น คันบริเวณช่องคลอด หรือมีปัสสาวะแสบขัดร่วมด้วย ฯลฯ อาการต่างๆ เหล่านี้ถ้าเกิดขึ้น ก็ถือว่าผิดปกติแล้วครับ สาเหตุที่พบบ่อยคือ การอักเสบติดเชื้อของบริเวณช่องคลอดหรือปากมดลูกนั่นเอง แต่มักไม่รุนแรงและไม่ได้ก่อให้เกิดผลเสียร้ายแรงต่อคุณแม่และลูกในท้อง แต่ก็ต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและให้การรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไป
ตกขาวผิดปกติเพราะติดเชื้อ
การอักเสบติดเชื้อของช่องคลอดและปากมดลูก ที่พบได้บ่อยคือ การอักเสบติดเชื้อจากเชื้อรา เชื้อพยาธิในช่องคลอด และเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะการอักเสบของช่องคลอดจากเชื้อรานั้น พบได้บ่อยมาก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของช่องคลอดระหว่างตั้งครรภ์นั่นเองที่ทำให้สภาพต่าง ๆ เหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อรามาก ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ลักษณะของตกขาวนั้นจะมีปริมาณมาก เป็นสีขาวหรือเป็นก้อนเล็ก ๆ สีขาวก็ได้ ที่สำคัญคือ มักมีอาการคันบริเวณช่องคลอดหรือบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกร่วมด้วย
ส่วนการอักเสบติดเชื้อพยาธิในช่องคลอดนั้น เกิดจากเชื้อพยาธิตัวเล็ก ๆ ซึ่งเป็นคนละชนิดกับพยาธิลำไส้นะครับ ลักษณะของตกขาวนั้นมักเป็นสีเหลืองๆ หรือเขียวๆ บางรายอาจออกมามากและคล้ายเป็นฟองอีกด้วย ส่วนอาการที่เกิดร่วมด้วยนั้นก็คล้ายกับการติดเชื้อราคือมักมีอาการคันอย่างมากบริเวณช่องคลอดและอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก คุณแม่บางคนพอคันมากๆ อาจเกาเพลินถึงขั้นเกิดเป็นแผลถลอกเลยก็มี
สำหรับการอักเสบติดเชื้อจากแบคทีเรียนั้น อาการมักไม่ชัดเจนเหมือนเชื้อราหรือเชื้อพยาธิ แต่มักมีตกขาวออกมามาก อาจมีสีเหลืองหรือเทาๆ ข้นๆ เหนียวๆ อาจมีกลิ่นเหม็นผิดปกติร่วมด้วยก็ได้ อาการอื่นอย่างแสบร้อนหรือคันบริเวณช่องคลอดก็พบได้เช่นกัน
ตรวจหาเชื้อ
การที่จะบอกว่าติดเชื้อชนิดใด จากที่คุณแม่เล่าคงจะไม่อาจรู้ว่า ตกขาวที่ผิดปกตินั้นเกิดจากเชื้ออะไร ยิ่งการรักษาเชื้อแต่ละชนิดนั้นก็ไม่เหมือนกันอีกด้วย จึงจำเป็นต้องตรวจภายในเพื่อเอาตัวอย่างของตกขาวไปตรวจดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ หรือย้อมเชื้อดู ถึงรู้ว่าตกขาวนั้นเกิดจากเชื้อชนิดใดกันแน่ จากนั้นจึงจะให้การรักษาได้ถูกต้องครับ
การรักษา
การรักษานั้นไม่ยุ่งยากมาก และมักหายขาดครับ โดยทั่วไปแพทย์มักจะให้ยาเหน็บช่องคลอด หรือยาไปกินต่อเนื่องสักระยะหนึ่งเท่านั้นก็หายขาดได้ แต่ไม่ใช่ว่าหายแล้วหายเลยนะครับ อาจกลับมาเป็นใหม่อีกได้ ไม่ใช่คุณหมอรักษาไม่ดีหรอกครับ…ก็ตั้งครรภ์ตั้ง 9 เดือน มีโอกาสเป็นซ้ำกันได้บ้างไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตาม ขอย้ำอีกครั้งครับว่าการอักเสบติดเชื้อต่าง ๆ ที่ว่ามานั้นเป็นเพียงการอักเสบติดเชื้อเฉพาะที่เท่านั้น ไม่มีผลต่อลูกในท้องครับ โดยเฉพาะถ้าได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง
ดูแลตัวเอง…สำคัญที่สุด
การดูแลตัวเองระหว่างตั้งครรภ์ ก็คือการรักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศอย่างสม่ำเสมอ อย่าให้เกิดความอับชื้น ชุดชั้นในควรเป็นชนิดที่ใส่สบาย ไม่รัดจนเกินไป คุณแม่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้น้ำยาพิเศษอะไรสวนล้างช่องคลอด ดีไม่ดีถ้าเกิดแพ้ขึ้นมา อาจเป็นสาเหตุให้เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อได้ง่ายขึ้นอีกด้วย ล้างทำความสะอาดด้วยน้ำธรรมดาก็พอครับ และถ้าเกิดอาการผิดปกติขึ้นหรือไม่แน่ใจ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา ไม่ควรไปซื้อยามาใช้เอง เพราะอาจไม่ตรงกับเชื้อ ทำให้รักษาไม่หายขาด อาจดื้อยา และเป็นเรื้อรังได้ ควรให้หมอตรวจก่อนดีกว่าครับ
เรื่องของตกขาวนั้นไม่ได้มีอันตรายรุนแรงมากนัก อาจมีปัญหาเข้ามากวนใจบ้าง แต่หากดูแลตนเองดีๆ ก็จะไม่เกิดปัญหาที่รุนแรงตามมา
ที่มา รศ.นพ.ดิฐกานต์ บริบูรณ์หิรัญสาร
ภาควิชาสูติศาสตร์ นรีเวชวิทยา
Faculty ofMedicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
ภาควิชาสูติศาสตร์ นรีเวชวิทยา
Faculty of
ป้ายกำกับ:
ตกขาว,
หญิงตั้งครรภ์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ค้นหาใน Web นี้
บทความที่ได้รับความนิยม
-
Tennis Elbow คือกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นทางด้านนอกข้อศอก ซึ่งเกิดจากการอักเสบตรงบริเวณที่ยึดเกาะของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการกระดกข้อมือ...
-
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส วาริเซลลา มีลักษณะอาการเป็นผื่นแดงราบ ตุ่มใส ตุ่มหนอง กระจายตามหน้า ลำตัว และแผ่นหลัง และมีไข้ เกิดจากเชื้อไว...
-
การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย จำเป็นหรือไม่ ? บทนำ การขลิบหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย เป็นการผ่าตัดเล็กที่ทำกันบ่อยมาก จนเกือ...
-
ต่อมทอนซิล คือต่อมน้ำเหลืองที่อยู่บริเวณด้านข้างลำคอตรงโคนลิ้น เป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ภายในต่อมมีเม็ดเลือดขาวหลายชนิดทำ...
-
การล้างจมูกคืออะไร การล้างจมูก คือ การทำความสะอาดโพรงจมูก โดยการใส่ หรือหยอดน้ำเข้าไปในจมูกการล้างจมูก จะช่วยชะล้างมูก ครา...
-
ปุ่มกระดูกในช่องปาก ปุ่มกระดูกในช่องปากมีชื่อเรียกต่างกันไปตามตำแหน่งที่พบ เช่น พบในบริเวณกึ่งกลางเพดานของขากรรไกรบน จะเร...
-
อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเก๊าท์ กรดยูริคที่เป็นตัวการทำให้ข้ออักเสบในผู้ป่วยโรคเก๊าท์ เกิดมาจาก “ สารพิวรีน ” ทั้งที่มีอยู่ในร่าง...
-
โรค Carpal Tunnel Syndrome หรือชื่อย่อคือ CTS เป็นโรคที่พบได้บ่อย เกิดจากเส้นประสาทมีเดียน (Median Nerve) ซึ่งเป็นเส้นประสาทที่เลี้ยงกล้า...
-
ผ่าตัดริดสีดวงทวาร อย่างไรไม่ให้เจ็บ (หรือเจ็บน้อย) โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคที่พบบ่อย เกิดจากการโป่งพองของหลอดเลือดขนาดเล็กบริเวณเยื่อบุ...
-
ผ่าตัดริดสีดวงทวาร อย่างไรไม่ให้เจ็บ (หรือเจ็บน้อย) โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคที่พบบ่อย เกิดจากการโป่งพองของหลอดเลือดขนาดเล็กบริเวณเยื่อบ...
จำนวนการดูหน้าเว็บรวม
ผู้ติดตาม
ขับเคลื่อนโดย Blogger.
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น